เพราะกลางมันแคบ

มอบเค้กวันเกิดให้ โรนัลโด้ และขออวยพรให้มีความสุข จากใจของผู้เขียน

Happy Birthday นู๋โด้ ครบรอบ อายุ 23 ปีของตัวเอง ด้วยฟอร์มการยิงระเบิดเถิดเทิง
ก่อนอื่นเราต้องมาฉลองให้กับวันเกิด ครบรอบอายุ 23 ปีของนักเตะที่ดีที่สุดในโลกในขณะนี้ อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดอส ซานโตส อเวโร่ หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนภาษาไทยนั่นก็คือ “ไอ้เจ็ทโด้” นั่นเอง ซึ่งสถิติ ฤดูกาลนี้ จัดว่า น่าทึ่งอย่างแรง เนื่องจากว่า ลงเล่นทุกรายการไป 29 นัด (หรือ 30 นัด ตามบางสำนัก) นั้น ซัดประตูไปทั้งหมดด้วยกัน 27 ประตู แบ่งเป็นพรีเมียร์ ลีก 19 ประตู เอฟเอ คัพ 3 ประตู และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 ประตู นับว่าเป็นฤดูกาลทองของ โรนัลโด้ จริงๆ
และคราวที่แล้ว ผมติดค้างเขียนคอลัมน์นี้ไปหลายวัน เนื่องจากติดภารกิจจริงๆ เลยยังไม่สามารถผลิตให้ แต่วันนี้กลับมาอีกครั้งแล้วครับผม โดยคอลัมน์ที่ผมจะคิดคราวก่อนนี้ก็คือ “เมื่อสมภาร(อด)กินไก่วัด” ที่จะเขียนตามหลัง “เมื่อสมภาร(อยาก)กินไก่วัด” หลังจากชนะสเปอร์ส ในเอฟเอ คัพ มาได้ 3-1 แต่เมื่อมาเจอกันในรัง ไวท์ ฮาร์ท เลน กลับทำได้แค่เสมอแบบเฉียดฉิว 1-1 ซึ่งตอนแรกกะจะเขียนหลังจบเกม ไปๆ มาๆ เลยเถิดมาสัก 2 วัน ก็เลยตัดสินใจ ไม่เขียน เปลี่ยนเรื่องเลยแล้วกัน

ไมเคิ่ล คาร์ริค คือกุญแจสำคัญในการทวงแชมป์คืนจากเชลซีปีที่แล้ว แต่ปีนี้บทบาทอาจจะถูกลดลงตามลำดับ
ควันหลงจากนัดที่แล้วก็ยังไม่จบ นั่นก็คือเรื่องปัญหาในแผงกองกลางนั่นเอง ไม่ใช่ว่าแผงกองกลางจะได้รับบาดเจ็บกันพร้อมหน้าพร้อมตากันซะหน่อย แต่เป็น แผงกองกลาง ดันกลับมาฟิตสมบรูณ์กันพร้อมหน้าพร้อมตากันน่ะสิ! ในแผงกองกลางของยูไนเต็ด มีให้เลือกใช้พร้อมกันถึง 5 คนที่เป็นห้องเครื่อง ไล่ตั้งแต่ พอล สโคลส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, แอนแดร์สัน และดาร์เรน เฟลทเชอร์ ที่ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บใดๆ ให้วุ่นวายเหมือนแผงหน้า ที่มีกองหน้าเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น
ขณะที่ปีกริมเส้น ไม่ต้องพูดถึง มีทั้ง ไรอัน กิ๊กส์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, นานี่, ปาร์ค จี ซอง รวมไปถึงคริส อีเกิ้ลส์ ด้วย ลองใช้นิ้วมือนิ้วเท้า มานับรวมกันก็ได้ถึง 10 คนด้วยกัน! ทั้งๆ ที่ต้องใช้งานแค่ 4 คน หรือเรียกได้ว่า มากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ แต่ถ้ามองโลกในแง่ดี การมีผู้เล่นให้เลือกใช้งานเยอะนั้น สามารถรับมือกับช่วงท้ายฤดูกาลที่โปรแกรมอัดแน่นอยู่ตลอดได้แบบไม่ยากเย็นนัก ขณะที่ข้อเสียนั้นก็คือ กองกลางก็ยังจะไม่ค่อยเชื่อมสนิทกันสักที

ฮาร์กรีฟส์ คือ ตัวเลือกในแผงห้องเครื่องตัวรับ แต่อาจจะมีการเล่นไม่เข้าแท็คติกในเกมรุกนิดหน่อย
กลับมาที่ห้องเครื่องอีกครั้ง ตอนนี้ มีนักเตะระดับค่าตัว 20 ล้านปอนด์ ให้เลือกใช้งานถึง 4 คน มีทั้ง พอล สโคลส์ (รายนี้ ไม่มีค่าตัว แต่ตีมูลค่าได้เกิน 50 ล้านปอนด์), โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, ไมเคิ่ล คาร์ริค และแอนแดร์สัน ซึ่งเป็นการบ้าน ที่ป๊ะป๋าแพนด้าของเรานั้น จะต้องมานั่งปวดหัวว่า จะเอาใครลงเล่นกันดี หรือจะต้องหัดไปใช้ระบบเดียวกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค (70′ และ 80′) อย่างลิเวอร์พูล มาใช้ นั่นก็คือ “โรเทชั่น”
สาเหตุที่ โรเทชั่น นั้นมีกระแสความนิยมเป็นอย่างสูง ก็ต้องยกเครดิตให้ ราฟาเอล เบนิเตซ ผู้คิดค้นระบบนี้ขึ้นมา จนกลายเป็นหัวข้อที่โจษจันกันอย่างขำๆ ขนาดรีล มาดริด ยังใช้ระบบ โรเทชั่น นักเตะหมุนเวียนกันไปเหมือนกันแล้วนะเนี่ย แต่มาดริด อยู่จ่าฝูงของตาราง นำห่างบาร์เซโลน่า อยู่ 6 แต้ม ซึ่ง วิธีการใช้ระบบ โรเทชั่น ของ แบรน ชูสเตอร์ นั้น มีสไตล์กว่า ราฟา เสียอีก (ถึงขนาดที่ว่า แบรน ชูสเตอร์ ออกปากจวกราฟา เรื่องการทำทีมน่าเบื่อสุดๆ) เนื่องจากว่า ราชันชุดขาวของ ชูสเตอร์ นั้นเล่นฟุตบอลสไตล์แนวรุก และเชือดคู่แข่งคอขาดเสมอ แทบจะไม่สร้างโอกาสให้ทีมผู้มาเยือน ซานดิอาโก้ เบอร์นาบิว ต้องมีแต้มกลับออกไปเหมือนที่แอนฟิลด์ สักเท่าไหร่

แอนแดร์สัน เกือบจะกลายเป็น เคลแบร์สัน นัดที่เจอ โคเวนทรี จนพลิกฟอร์มกลายเป็น โรนัลดินโญ่น้อยๆ ไปซะแล้ว
และการโรเทชั่น ของทีมยูไนเต็ด นั้น อาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสมกันเท่าไหร่ เนื่องจากใช้นักเตะตัวหลักๆ กรุยทางทำผลงานให้กับทีมมาโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แทบจะไม่ค่อยได้พักสักเท่าไหร่ เนื่องจากต้องลงสนามอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ทีมมีผลงานที่ยอดเยี่ยม และเจ้าตัวสร้างผลงานได้ดีเยี่ยม แต่ปัญหาอยู่ที่กองกลางคู่กันสองตัว ซึ่งจะต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด ในฤดูกาลนี้ และไม่รู้ว่า การใช้กองกลางคนไหนร่วมกันแล้วจะทำผลงานออกมาได้ดีเลิศประเสิรฐศรีที่สุด เนื่องจากว่าแต่ละคนไม่ได้เล่นร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ
จริงๆ การมาของแอนแดร์สัน นั้น คงจะมาเร็วเกินไปสัก 1 ฤดูกาลเห็นจะว่าได้ เนื่องจากเจ้าตัวดันทะลึ่งเผยฟอร์มที่แท้จริงของตัวเองออกมาโดย ไม่ได้รับอนุญาติ ทั้งๆ ที่โชว์ฟอร์มการเปิดตัวแบบเต็มตัวได้อย่างทุเรศสายตา ในนัดที่พ่าย โคเวนทรี ซิตี้ ในฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ ซึ่งขนาดคะแนนความสามารถ ยังลงความเห็นให้ แอนแดร์สันได้แค่ 4 จนมาทุกวันนี้ แทบจะไม่มีนัดไหนต่ำกว่า 7 ไปแล้ว และการกลับมาของ พอล สโคลส์ ก็ต้องสะเทือนถึงตำแหน่งตัวจริงของแอนแดร์สัน จนถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรองในนัดที่เจอกับสเปอร์ส และลงมาสร้างความปั่นป่วนให้กับเกมรับของสเปอร์ส แทนที่สโคลส์ ที่เพิ่งลงมาเคาะสนิม

บอกเลยกองกลางแคบไม่มีที่เหลือเผื่อใคร เก็บกักใครไม่ไหวแผงกลางมันกว้างแค่เธออยู่ได้คนเดียว
เมื่อดูจากแผงกองกลางแล้ว ฮาร์กรีฟส์ เป็นกลางประเภทตัวรับ เหมือนกันคาร์ริค เลยไม่ค่อยได้ลงเล่นร่วมกัน ขณะที่ แอนแดร์สัน เป็นกองกลางตัวรุก แต่ทำหน้าที่เกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม จึงนับให้เป็นมิดฟิลด์รุก-รับก็ได้ ส่วน พอล สโคลส์ เป็นกลางตัวรุกขนานแท้ ต้องเป็นตัวยืนไว้ทำเกมรุกเชื่อมกับแผงแดนกองหน้าได้ แต่แอนแดร์สันก็ทำได้เลวไม่แพ้กัน จึงต้องกุมขมับกับการจัดตัวลุยศึกนัดต่อๆ ไปที่จะเลือกใช้งานตามเหตุตามผล
อาจจะเป็น สโคลส์-คาร์ริค / สโคลส์-ฮาร์กรีฟส์ / สโคลส์-แอนแดร์สัน / แอนแดร์สัน-ฮาร์กรีฟส์ / แอนแดร์สัน – คาร์ริค / ฮาร์กรีฟส์-คาร์ริค ซึ่งการวางแผงกองกลางแต่ละแบบนั้น จะได้ผลลัพธ์ต่างแบบซึ่งกันและกัน อันนี้ก็ต้องวัดใจป๋าแพนด้ากันแล้วว่า จะเลือกใช้งานกันแบบไหน ถ้ามองโดยรวมแล้ว แอนแดร์สัน ดูจะเป็นกองกลางที่ดูดีที่สุดในขณะนี้ แต่พระยาเฟอร์กี้นั้น ยังเลือกให้ พอล สโคลส์ เป็นตัวยืนไปเสียก่อน และมีทีท่าว่า สโคลส์ อาจจะไม่ได้ลงเล่นบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อนได้ ด้วยวัยและอายุอานาม รวมไปถึงความฟิต
และตอนนี้ อาจจะเป็นช่วงท้ายชีวิตของสโคลส์ ก็เป็นได้ เพราะการมาของแอนแดร์สัน อาจจะทำให้ยุคของ พอล สโคลส์ หมดสิ้นเร็วกว่าวัยอันควร เป็นเรื่องธรรมดาของโลกลูกหนัง ที่จะต้องหลีกทางให้กับคนรุ่นใหม่ เมื่อเขาทำผลงานให้กับทีมได้ดีกว่า
ManSmith

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts

Copyright © 2025 Irwanusman. All Right Reserved.